รัฐบาลแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่อาจถูกหลอกลวงทางออนไลน์ โดยเดินหน้าอย่างจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ รัฐบาลเร่งกวาดล้างบัญชีม้าจำนวน 100,000 บัญชีต่อเดือน พร้อมเร่งรัดการคืนเงินให้กับผู้เสียหาย นายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนและให้ความรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลมีความตระหนักถึงภัยคุกคามและการหลอกลวงทางไซเบอร์ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2567 รัฐบาลได้ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.), สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สมาคมธนาคารไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อหาแนวทางการกวาดล้างบัญชีม้าและเร่งรัดการคืนเงินให้ผู้เสียหาย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้กระทรวงดีอีร่วมกับตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ในระยะที่ 2 ต่อเนื่องจากระยะแรก (1-30 เมษายน 2567) ซึ่งมีการประชุมหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ
- การเร่งรัดกวาดล้างบัญชีม้า โดย ปปง. ธปท. สมาคมธนาคาร กสทช. สมาคมโทรคมนาคมฯ และ ดีอี ร่วมดำเนินการ
- การแก้กฎหมายพิเศษเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ตลอดจนช่วยเหลือคืนเงินให้ผู้เสียหาย
การเร่งรัดกวาดล้างบัญชีม้า โดย ปปง. ธปท. สมาคมธนาคาร กสทช. สมาคมโทรคมนาคมฯ และ ดีอี ร่วมดำเนินการ
- เพื่อขยายผลการกวาดล้างบัญชีม้า โดยใช้ข้อมูลรายชื่อเจ้าของบัญชีม้าและผู้กระทำผิดกฎหมาย ภายใต้อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จะดำเนินการปิดบัญชีธนาคารทุกธนาคารที่เกี่ยวข้องกับชื่อบุคคลเหล่านี้ โดยตั้งเป้าหมายในการระงับหรือปิดบัญชีม้าจำนวนมากกว่า 12,000 บัญชีต่อเดือน หรือ 100,000 บัญชีต่อเดือน
- กำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่เพื่อป้องกันการนำไปกระทำความผิด โดยเพิ่มกระบวนการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง (Customer Due Diligence หรือ CDD) โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยง ธนาคารจะต้องตรวจสอบให้เคร่งครัดมากขึ้นก่อนการอนุมัติเปิดบัญชี ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการออกประกาศเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายในเดือนมิถุนายน 2567 ขณะที่บางธนาคารได้เริ่มดำเนินการแล้วในขณะนี้
- การกวาดล้างบัญชีม้าและซิมม้าในระบบ mobile banking ที่ประชุมได้มอบหมายให้ กสทช. เร่งรัดตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่เชื่อมโยงกับระบบ mobile banking จำนวนประมาณ 106 ล้านหมายเลข ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 120 วัน
การแก้กฎหมายพิเศษเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ตลอดจนช่วยเหลือคืนเงินให้ผู้เสียหาย
- การเร่งรัดคืนเงินให้ผู้เสียหาย ที่ประชุมได้พิจารณาหาวิธีการคืนเงินให้รวดเร็วขึ้น โดยพิจารณาการออกกฎหมายพิเศษเพื่อเร่งกระบวนการคืนเงิน เนื่องจากที่ผ่านมา การคืนเงินให้ผู้เสียหายจากคดีออนไลน์มักใช้เวลานาน หลายกรณีต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะคืนเงินได้ ส่วนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ทาง AOC 1441 ร่วมกับดีอี ตร. และสมาคมธนาคาร ได้ดำเนินการเร่งการระงับและอายัดบัญชีม้าได้รวดเร็วเฉลี่ยภายใน 10 นาที และสามารถอายัดเงินจำนวนมากได้
- การเพิ่มโทษสำหรับการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล โดยถือว่าการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการกระทำที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชน เศรษฐกิจ และสังคมในวงกว้าง จึงต้องมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องและคนร้าย โดยเพิ่มอัตราโทษจำคุกจาก 1 ปี เป็น 5 ปี นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการป้องกันการโอนเงินแบบผิดกฎหมายของคนร้ายที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะการใช้แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงผลการดำเนินการกวาดล้างบัญชีม้าในวันที่ 30 เมษายน 2567 ซึ่งเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระงับบัญชีม้าไปแล้วกว่า 700,000 บัญชี แบ่งเป็น: ธนาคารระงับเอง 300,000 บัญชี, AOC ระงับ 101,375 บัญชี, ปปง. ปิด 325,586 บัญชี, และตำรวจดำเนินการจับกุมคดีบัญชีม้าและซิมม้าในเดือนเมษายน 2567 จำนวน 361 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.9 เท่าจากการจับกุมเฉลี่ย 187 คนต่อเดือนในช่วงมกราคม – มีนาคม 2567
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า “นอกจากการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปราบปรามและจับกุมคนร้าย รวมถึงการกวาดล้างบัญชีม้า ซิมม้า ปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวง และแก้ปัญหาหลอกลวงในการซื้อขายออนไลน์อย่างต่อเนื่องแล้ว นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับการบูรณาการการเตือนภัยออนไลน์จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้จัดทำข้อมูลในรูปแบบที่มีสาระและน่าสนใจ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนและกลุ่มเสี่ยงที่อาจตกเป็นเหยื่อ โดยมุ่งเน้นการสร้างการตระหนักรู้และให้ความรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์ เพื่อป้องกันและลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ที่ยังสร้างความเสียหายต่อสังคมและเศรษฐกิจในวงกว้าง รวมถึงการปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพ”